ข้าวเหนียวเป็นวัตถุดิบหลักในอาหารของหลายวัฒนธรรม โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ข้าวเหนียวมีความเหนียวนุ่มและให้รสชาติที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับพันธุ์ของมัน มาทำความรู้จักกับชนิดของข้าวเหนียวแต่ละประเภทและลักษณะเด่นของแต่ละพันธุ์ 1. ข้าวเหนียวขาว ลักษณะเด่น: เป็นข้าวเหนียวที่นิยมบริโภคมากที่สุด มีเมล็ดสีขาวขุ่น และเนื้อสัมผัสเหนียวนุ่ม มีกลิ่นหอมอ่อนๆ เมื่อหุงสุก นิยมใช้ทำข้าวเหนียวมูน ข้าวเหนียวหมูปิ้ง และข้าวเหนียวส้มตำ ตัวอย่างพันธุ์ข้าวเหนียวขาวยอดนิยม: ข้าวเหนียวเขี้ยวงู – พันธุ์ยอดนิยมของภาคเหนือและภาคอีสานของไทย เหนียวนุ่มเป็นพิเศษ ข้าวเหนียว กข.6 – ปลูกในภาคอีสาน นิยมใช้ทำข้าวเหนียวกินคู่กับไก่ย่างและส้มตำ ข้าวเหนียวสันป่าตอง – ข้าวเหนียวพันธุ์ดีของภาคเหนือ เมล็ดใหญ่ หุงขึ้นหม้อ เหนียวนุ่มและมีกลิ่นหอม 2. ข้าวเหนียวดำ ลักษณะเด่น: เมล็ดมีสีม่วงเข้มถึงดำ อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น แอนโทไซยานิน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว และเนื้อสัมผัสหนึบ นิยมใช้ในขนมไทย เช่น ข้าวเหนียวดำเปียก และข้าวเหนียวมูน ตัวอย่างพันธุ์ข้าวเหนียวดำ: ข้าวเหนียวดำพันธุ์ลืมผัว – ข้าวเหนียวพันธุ์พื้นเมืองของภาคเหนือ มีรสชาติหวานธรรมชาติ ข้าวเหนียว กข.21 – เป็นข้าวเหนียวดำที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง และปลูกง่าย 3.

ข้าวเป็นอาหารหลักของคนไทยและหลายประเทศในเอเชีย การเลือกซื้อข้าวที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้รสชาติของอาหารอร่อยขึ้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพและโภชนาการของเราอีกด้วย ดังนั้น การเลือกซื้อข้าวอย่างถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ มาดูกันว่าเราควรพิจารณาอะไรบ้างเมื่อต้องเลือกซื้อข้าว 1. ประเภทของข้าวที่ต้องการ ข้าวมีหลายประเภท แต่ละชนิดมีรสชาติและคุณค่าทางโภชนาการที่แตกต่างกัน เช่น ข้าวหอมมะลิ – มีกลิ่นหอม นุ่ม เหมาะกับอาหารไทย ข้าวกล้อง – มีเยื่อหุ้มเมล็ด ช่วยให้ได้สารอาหารมากขึ้น ดีต่อสุขภาพ ข้าวไรซ์เบอร์รี่ – อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำตาลในเลือด ข้าวเหนียว – เหมาะสำหรับอาหารภาคเหนือ อาหารภาคอีสานและของหวาน ข้าวสังข์หยด – ข้าวพันธุ์ไทยที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยบำรุงร่างกาย 2. ดูลักษณะของเมล็ดข้าว เมล็ดข้าวที่ดีควรมีลักษณะดังนี้: สีสม่ำเสมอ ไม่มีจุดด่างดำ ไม่มีเศษหิน ฝุ่น หรือสิ่งปนเปื้อน มีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ ไม่มีการอับชื้น ไม่มีมอดหรือแมลงเจาะเมล็ดข้าว 3. ตรวจสอบวันผลิตและวันหมดอายุ ข้าวที่สดใหม่จะหุงขึ้นหม้อ และมีกลิ่นหอมกว่าข้าวที่เก็บไว้นาน ควรเลือกข้าวที่มีวันที่ผลิตใหม่ล่าสุด และหลีกเลี่ยงข้าวที่เก็บไว้นานเกินไป 4. เลือกข้าวที่ปลอดสารเคมี หากเป็นไปได้ ควรเลือกข้าวออร์แกนิกที่ปลอดสารเคมีตกค้าง เลือกข้าวที่เหมาะสมกับการบริโภคของครอบครัว

ฤดูร้อนในประเทศไทยอากาศร้อนอบอ้าว การรับประทานขนมที่ทำจากข้าวซึ่งมีรสชาติหวานมัน หอม และให้ความสดชื่น จึงเป็นสิ่งที่ช่วยคลายร้อนได้เป็นอย่างดี ขนมที่นิยมทำในช่วงฤดูร้อนมักเป็นขนมที่มีส่วนผสมของกะทิ ผลไม้ หรือมีเนื้อสัมผัสนุ่มละมุน มาดูกันว่ามีขนมอะไรบ้างที่เหมาะกับฤดูร้อน 1. ข้าวเหนียวมะม่วง ลักษณะเด่น: เป็นขนมยอดนิยมของหน้าร้อน เพราะมะม่วงสุกหวานฉ่ำจะออกผลมากในช่วงนี้ ข้าวเหนียวมูนหุงกับกะทิให้รสชาติหวานมัน ทานคู่กับมะม่วงสุกที่มีรสหวานอมเปรี้ยวเล็กน้อย นิยมราดด้วยน้ำกะทิข้น และโรยถั่วทองกรอบเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัส เหตุผลที่เหมาะกับฤดูร้อน: มะม่วงเป็นผลไม้ตามฤดูกาล มีรสหวานฉ่ำ ช่วยเพิ่มความสดชื่น ข้าวเหนียวมูนหอมกะทิช่วยเติมพลังงานให้กับร่างกาย 2. ข้าวเหนียวทุเรียน ลักษณะเด่น: ข้าวเหนียวมูนเสิร์ฟพร้อมทุเรียนสุกและราดน้ำกะทิข้น ให้รสชาติหวานมันและกลิ่นหอมของทุเรียน เป็นขนมที่ได้รับความนิยมในช่วงหน้าร้อน เพราะเป็นฤดูกาลของทุเรียน เหตุผลที่เหมาะกับฤดูร้อน: ทุเรียนเป็นผลไม้ฤดูร้อนที่ให้พลังงานสูง เมื่อทานกับข้าวเหนียวและกะทิ จะช่วยเพิ่มความกลมกล่อม 3. ข้าวเหนียวแตงไทย ลักษณะเด่น: เป็นขนมไทยโบราณที่นำข้าวเหนียวมูนมาทานคู่กับแตงไทยหั่นบาง แตงไทยมีรสชาติหอมและหวานอ่อน ๆ ทำให้ขนมมีความสดชื่น มักราดด้วยน้ำกะทิที่มีความหวานมันเล็กน้อย เหตุผลที่เหมาะกับฤดูร้อน: แตงไทยเป็นผลไม้ฤดูร้อน มีน้ำเยอะและให้ความสดชื่น เป็นขนมที่ทานง่าย และไม่หนักท้องมาก 4. ข้าวแช่ (ข้าวสุกในน้ำเย็นหอมมะลิ) ลักษณะเด่น: ข้าวหอมมะลิแช่ในน้ำลอยดอกมะลิเย็น ๆ เสิร์ฟพร้อมเครื่องเคียง เช่น